
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...
หลังจากที่ "ไม่มีใครเอา" คือ บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจไม่ต่อสัญญายืมตัว เช่นเดียวกับไม่ต้องการที่จะ "ซื้อขาด" อย่างแน่นอน ขณะที่ต้นสังกัดอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ไม่อยากเก็บไว้ เพราะถือเป็นภาระของครอบครัวที่ต้องมาแบกรับค่าเหนื่อยของดาวเตะที่ไม่มีประโยชน์
ว่าแล้วเอเย่นต์ของ ฟิลิเป้ คูตินโญ่ จึงออกมาให้ข่าวประมาณว่าดาวเตะผู้นี้ต้องการที่จะซมซานกลับมาอยู่ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง โดยพร้อมจะลดค่าเหนื่อยให้อย่างสาสมเลยทีเดียว
อืมมมมมมมม...นะ
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2018
คูตินโญ่ บรรจงถีบตัวเองออกจากเครื่องนุ่งห่มหงส์แดงได้สำเร็จแบบ "สมใจอยาก" หลังจากออกอาการไม่อยากทิ้งให้ใจไว้ที่ แอนฟิลด์ อยู่นาน ด้วยเลื้อยตูดไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า
เพราะคิดว่าจะพบกับความศิวิไลซ์มากกว่า
ความสำเร็จระดับแชมป์ลีกสูงสุด และแชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรป คือสิ่งที่เขาต้องการ รวมถึงฟันค่าจ้างที่มหาศาล และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
อย่างน้อยก็ไม่เคยมีรายงานว่าพบหนูยักษ์ในเมืองบาร์เซโลน่า
ชัดเจนนะครับว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล ไม่ต้องการสูญเสียสมบัติอันล้ำค่าของตัวเอง
ในฐานะเจ้านาย - เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามเกลี้ยกล่อมพลางเอาไม้เสียบลูกชิ้นสะกิดติ่งด้วยความเร็วสูง ถึงขนาดบอกว่า "ถ้านายกลัวเมีย นายก็ออกจากแก๊งค์ของเราไป" ถุย...ไอ้บ้า! ไม่ใช่แล้ว เจเคบอกว่า "ถ้านายย้ายออกไป นายอาจประสบความสำเร็จ แต่ถ้านายอยู่ต่อ นายก็จะมีอนุสาวรีย์เป็นของตัวเอง"
ทว่าไม่มีอะไรยับยั้งดาวเตะที่เด็กหงส์เรียกอย่างน่ารักน่าตบว่า "คูตี้" อยู่
ลองนึกภาพ คูตินโญ่ สวมใส่ชุดสีเลือดหมู-น้ำเงินของ บาร์ซ่า แล้วประสานงานกับ "สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก" อย่าง ลีโอเนล เมสซี่ รวมถึงดาวเตะระดับต่างดาวคนอื่นๆ ดูนะครับว่ามันจะสะเด่าไปเลยอีน้องขนาดไหน???
ในที่สุดเขาก็เดินทางไปกับยานแม่ง เอ๊ย! ยานแม่ด้วยค่าตัวรุนแรงแบบเป็นประวัติการณ์ถึง 147 ล้านปอนด์
ปัญหาคือสิ่งที่คิดกับความเป็นจริง มันอาจไม่เล่นฟัคกิ้งเลิฟกันแบบใส่ถุงเท้าเสมอไป
เมื่อย้ายไปอยู่กับ บาร์ซ่า - คูตินโญ่ ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่พลางทำฟอร์มตก...ซะอย่างนั้น
ฟอร์มการเล่นไม่แรงฤทธาเหมือนสมัยที่เป็นผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล แถมได้ลงเป็นตัวจริงเมื่อไหร่ก็มักถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนจบเกมเป็นประจำ
มาดแม้นว่าในเวลาเพียง 1 ฤดูกาลครึ่ง ดาวเตะสายพันธุ์แซมบ้าผู้นี้จะคว้าแชมป์ ลา ลีกา ของ สเปน กับต้นสังกัดใหม่ได้ถึง 2 สมัย แต่ผลงานส่วนตัวถือว่าล้มเหลวไม่เป็นท่าจน บาร์ซ่า ไม่อยากเก็บเอาไว้เสียแล้ว
อารมณ์ประมาณกูเบื่อมึงแล้ว
ครั้นจะปักป้ายขายก็คงไม่มีใครใคร่ซื้อ เนื่องเพราะค่าตัวย่อมแพงบรรลัย ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่อยากแบกรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 2.5 แสนปอนด์ จึงตัดสินใจปล่อยให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวไปใช้งานไปพลางๆ ก่อน
ด้วยหวังว่าพี่เสือจะติดใจแล้วขอซื้อขาด
ผลลัพธ์ที่ออกมาดูจะไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่
คูตินโญ่ ไม่ใช่เล่นไม่ดี เพียงแต่ บาเยิร์น มิวนิค ไม่จำเป็นต้องมีเขาก็ได้ อย่างไรก็เป็นแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จอยู่ดีนั่นแหละ
อันที่จริง นับตั้งแต่ทิ้งหงส์แดงแบบไร้เยื่อใย สถิติที่เป็นตัวเลขของ คูตินโญ่ มันก็ไม่ถึงกับบัดซบอะไรมากนักหรอก เขาลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า ทั้งหมด 76 นัด ยิงได้ 21 ประตู ขณะที่ลงเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ทั้งหมด 32 นัด ยิงได้ 9 ประตู ทว่าเมื่อเทียบกับความคาดหวัง หรือเมื่อเทียบกับความเป็นดาวเตะผู้เอกอุคนหนึ่ง คุณพี่เขาควรจะเปล่งปลั่งมากกว่านี้
"พี่เสือ" แสดงเจตนาแบบชัดแจ้งแทงตรงจุดว่า "ไม่เอานะ" ขณะเดียวกับที่ทีมต้นสังกัดปัจจุบันก็เหมือนไม่อยากจะเก็บเอาไว้ให้เป็นภาระ เฉพาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจ หลังถูกคุณโควิดเล่นงานจน "เจ๊กอั้ก" กันถ้วนหน้า
ก่อนหน้านี้ คูตินโญ่ ตกเป็นข่าวกับทีมอื่นอย่าง เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และโดยไม่เว้นแม้แต่นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังจะตกถังน้ำมันดิบได้เจ้าของทีมใหม่เป็นโคตรมหาเศรษฐีแห่งอาหรับ
สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ข่าวที่ลือไปวันๆ ไม่มีอะไรคืบหน้า
บาร์เซโลน่า จึงตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากขายราคาถูกๆ ก็ต้องขาดทุนอย่างย่อยยับ ถ้าเอาตัวกลับมาก็เปลืองค่าจ้างอีก
ทางออกคือให้ทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ยืมตัวไปทดลองใช้งานดูก่อน หากถูกใจค่อยมาซื้อขาด เดี๋ยวลดราคาให้เป็นพิเศษแบบลดกระหน่ำซัมเมอร์สยอง
จาก 147 ล้านปอนด์ที่เคยซื้อไป (ยังจ่ายไม่หมด) ลดลงมาเหลือเพียง 49.5 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง
อูยยยยยยยย !!!
ด้วยเงื่อนไขที่น่าสนใจซะขนาดนี้ ถามว่า ลิเวอร์พูล ควรจะเอา คูตินโญ่ กลับมาหรือเปล่า?
ทันใดเสียงของเด็กหงส์แตกออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งเหมือนจะไม่คิดมากพลางยักไหล่แล้วบอกว่า "เอานะ" การยืมตัวมามันก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า หากเล่นไม่ได้ หรือฟอร์มไม่ดีก็ส่งตัวคืนกลับไปเท่านั้นเอง
ฝ่ายหนึ่งยักไหล่พลางหล่นสงสัยว่า "คูตินโญ่ เป็นใคร พวกกูไม่รู้จัก" ซึ่งสามารถอธิบายได้ง่ายๆ ว่า "ไม่เอาโว้ย"
คูตินโญ่ ไม่ใช่ดาวเตะของ ลิเวอร์พูล คนแรกที่สร้างความเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันทีให้พวก เดอะ ค็อป เขานะครับ
ด้วยโอกาสในการประสบความสำเร็จที่มีต่ำผนวกกับค่าเหนื่อยที่ไม่มหาศาลเหมือนทีมอื่น ผู้เล่นระดับขวัญใจวัยรุ่นของหงส์แดงหลายคนจึงทิ้งพวกเขาไปแบบช่างมัน ฉันไม่แคร์
ตัวอย่างเช่น
ไมเคิ่ล โอเว่น ที่บีบสโมสรจนต้องขายให้ เรอัล มาดริด ในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง แถมต่อมายังหักหาญน้ำใจกันด้วยการขายวิญญาณให้คู่แค้นตลอดชาติอย่างปีศาจแดงซะอย่างนั้น
เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ทิ้งหงส์แดงไปในระหว่างการศึกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวรุ่งที่ ลิเวอร์พูล อุตส่าห์เก็บเอามาชุบเลี้ยงพลางปลุกปั้นจนได้ดิบได้ดีและโด่งดัง ก่อนหนีไปคบกับคนรวยกว่าในเครื่องแบบสีฟ้าเฉยเลย
และโดยไม่เว้นแม้แต่ หลุยส์ ซัวเรซ ที่มองเผินๆ เหมือนจะจากกันด้วยดี แต่ถ้าไม่ได้ดูดกัญชามากเกินไปจนสมองเสื่อม คุณก็น่าจะจำได้ว่าก่อนย้ายไปเฉาะท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ที่บาร์เซโลน่า "พี่เหยิน" ก็ออกอาการ "งอแง" เพราะอยากจะย้ายไปยิ่งใหญ่ในถิ่นอื่นออกมาให้เห็นเช่นกัน
เหล่านี้คืออดีตดาวเตะระดับจอมขวัญที่ถูกสิ่งมีชีวิตอย่าง "เด็กหงส์" จับขึ้นบัญชีหนังหมา
ตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน - ลิเวอร์พูล สถาปนาตัวเองเป็น "เครื่องจักรสีแดงผู้อหังการ" ทีมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงลูกหนัง แถมมีทีท่าว่าจะกลับมาครองความเป็นมหาอำนาจของฟุตบอลอังกฤษไปอีกนานเลยทีเดียว
มิใช่ทีมที่จมอยู่กับอดีตอันยิ่งใหญ่ อยู่ด้วยแล้วต้อง "เล่นว่าว" วันละ 3 เวลาเหมือนเดิม
การกลับมาในรูปแบบการยืมตัวเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้นะครับ สภาพที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สารภาพว่าไม่มีความจำเป็นต้องวอดวายระดับ 50-60 ล้านปอนด์ เพื่อผู้เล่นเพียงคนเดียว ในขณะกับที่ ลิเวอร์พูล มีทีมที่ลงตัว และฟอร์มการเล่นร้อนแรงอยู่แล้ว
คูตินโญ่ เคยเป็นผู้เล่นหงส์แดงมานานถึง 6 ฤดูกาล โดยลงเล่นไปทั้งหมด 201 นัด ยิงได้ 54 ประตู อันเป็นบทพิสูจน์ว่าการค้าแข้งในสมรภูมิแข้งที่มีอัตรความฮาร์ดคอร์สูงอย่างพรีเมียร์ลีกไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
การหวนกลับมาอีกครั้งย่อมช่วยให้ "เรด แมชชีน" มีพลังทำลายที่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่เชื่อลองจินตนาการถึง ลิเวอร์พูล ที่มี 3 ประสานในหน่วยล่าสังหารอย่าง ซาดิโอ มาเน่ - โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ - โม ซาล่าห์ อยู่แล้ว โดยมี "เพลย์เมคเกอร์" ในแดนกลางอย่าง คูตินโญ่ อีกคนดูนะครับว่ามันจะน่าสยดสยองขนาดไหน ???
ฉะนั้น & ฉะนี้
การ "ยืมตัว" จึงเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย
ว่าแต่มันมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ???
ขอเรียนตามตรง...ผมค่อนข้างมั่นใจแบบเต็มประดาว่ามันคงเป็นเรื่องยาก
ไม่ใช่แค่ไม่เข้าระบบ
ไม่ใช่แค่ไม่จำเป็นต้องมี
ไม่ใช่แค่ทำให้สปีริตของทีมต้องเสียไปอย่างที่ฝ่ายต่อต้านนำมาเป็นเหตุผล
แต่เพราะสิ่งที่ คูตินโญ่ เคยกระทำกับ ลิเวอร์พูล ต่างหาก
...ว่าแล้วคอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผมก็นึกถึงประโยคหนึ่งซึ่งตัวเองเคยเห็นบนผนังส้วมที่มหาวิทยาลัย
"เกิดมาไม่เคยรักใครเท่านี้เลย แต่เธอทำฉันเจ็บ"
เข้าใจครับ เข้าใจ - เข้าใจว่ายิ่งรักมาก ยิ่งเจ็บมาก
หลังอึเสร็จ ผมควักปากกาเมจิคจากย่ามออกมาตวัดตัวอักษรต่อท้าย...
"ถ้าเธอทำฉันเจ็บ เธอนั่นแหละจะต้องเจ็บเป็นสองเท่า" 5555
บอ.บู๋
"ต้องการที่จะ" - Google News
June 19, 2020 at 11:50AM
https://ift.tt/2YNp7uu
ความทรงจำบนผนังส้วม - สยามกีฬา
"ต้องการที่จะ" - Google News
https://ift.tt/307JncB
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ความทรงจำบนผนังส้วม - สยามกีฬา"
Post a Comment