Search

นายกฯ ยันเมืองการบินอู่ตะเภา จะยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการบินอาเซียน - efinanceThai

janganre.blogspot.com

   นายกฯ นั่งประธานลงนามร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา - เมืองการบิน ลั่นจะช่วยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค

   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่าง สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) และบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลตั้งขึ้นเฉพาะกิจโดย กลุ่มกิจการ ร่วมค้าบีบีเอส ผู้ยื่นข้อเสนอเงินประกันขั้นต่ำเป็นผลตอบแทนให้แก่รัฐดีที่สุด เพื่อร่วมกันลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก

   พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วที่ได้เริ่มต้นในระยะแรกไว้ และสานต่อมายังรัฐบาลนี้ และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ผลักดันโครงการนี้มาตั้งแต่แรก เพราะกว่าจะคืบหน้าจนถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจของทุกคน ทั้งอดีตปัจจุบัน

   และต่อจากนี้ ได้ร่วมขับเคลื่อนสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก ของ EEC ที่จะสามารถช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน เพราะมีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เชื่อมไปยัง 3 สนามบิน และการพัฒนาสนามบินมีส่วนขับเคลื่อนโครงการนี้ และยังต้องเร่งขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ และนี้คือโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลง แม้จะไม่มีโควิด เข้ามา ทุกอย่างต้องปรับตามสถานการณ์โลก เช่นเดียวกับรัฐบาลต้องปรับเปลี่ยน ไม่ปรับก็อยู่ไม่ได้ แม้ใครจะเข้ามา บริหารราชการแผ่นดินต่อไป หากไม่ปรับก็อยู่ไม่ได้

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนยินดีที่โครงการมีความคืบหน้า ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนต่อเนื่องจากการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เมื่อ 24 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง

   โดยเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลแรกที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เริ่มโครงการ จนมาถึงวันนี้ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี มาขับเคลื่อนต่อ ตนขอบคุณทุกคนและทุกภาคส่วนที่ริเริ่มมาด้วยกัน กว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

   โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักของอีอีซีที่จะส่งเสริมความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยจะพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การลงนามในวันนี้เป็นการยืนยันในเจตจำนงค์ของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางในการลงทุนของรัฐบาลต่อไป ถือเป็นก้าวสำคัญและเป็นมิติใหม่ในการก้าวเดินของประเทศไทย พร้อมยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค อีกทั้งจะมีความต่อเนื่องในการลงทุนในทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลพยายามเร่งรัดในทุกเรื่องเพื่อตอบสนองเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่มีส่วนร่วม

   “เราจะต้องเป็น new normal คิดใหม่ ชีวิตที่เป็นปกติใหม่ เราต้องมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึเนคือความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ซึ่งไม่มีอะไรทำได้โดยคนๆเดียว หรือเพียงหน่วยงานเดียว โครงการอีอีซีเกิดขึ้นโดยการนำพาของรัฐบาล มีหลายพรรคหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกคน และขอฝากทุกคนไว้ด้วยว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นแบบนี้ขอให้ทำกันต่อไป ในเรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศของเรา
 
   ไม่มีอะไรจะทำได้นอกจากการคิดใหม่ ทำใหม่ บูรณาการในสิ่งใหม่ๆ ก็จะทำให้การทำงานลุล่วงได้ ถ้าเรามีปัญหาอุปสสรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรต้องเร่งแก้ไข ผมคาดหวังว่าส่งที่ทำในวันนี้จะเป็นประโยชน์เพื่ออนาคต โครงการนี้มีอายุสัญญาโครงการกว่า 50 ปี พวกเราใครจะอยู่ก็อยู่ ผมก็หวังว่าจะอยู่กันได้ทุกคน แต่ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไม่อยู่โครงการนี้ก็จะอยู่คู่กับประเทศยาวนานเป็นร้อยปี”พลเอกประยุทธ์ กล่าว

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะทำได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนว่าจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่เกิดประโยชน์ และถ้าเราพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไม่ได้ประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ วันนี้ประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้านเหลือเพียงอย่างเดียวคือเรื่องของคน ซึ่งเราต้องมีการพัฒนาจิตใจและการศึกษาที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญเราต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 13 อุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว รวมทั้งเมืองอัจฉริยะ ซึ่งทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพราะนี่คือโลกยุคใหม่ อาจไม่ใช่แค่หลังโควิด-19 เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนแปลง วันนี้ถ้าโลกปรับหรือเปลี่ยน แต่เราไม่ปรับหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ประเทศไทยก็อยู่ไม่ได้ คนไทยก็อยู่ไม่ได้ ต่อให้ใครก็ตามที่จะเข้ามาบริหารแผ่นดินก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน เมื่อประเทศ และประชาชนอยู่ไม่ได้แล้วเราจะทำอย่างไร วันนี้ตนจึงขอฝากคำขอบคุณและกำลังใจให้ทุกคน เพราะรู้ว่าทุกคนทำงานหนัก

   สำหรับผู้ร่วมลงนามสัญญาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ประกอบด้วย พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และนายภาคภูมิ ศรีชํานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรี รวมถึงผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน

   นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก สําคัญของ อีอีซี มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูง ทําให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกัน ได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี

   นอกจากนี้ โครงการฯ จะทําให้เกิดศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจเป้าหมาย โดยเฉพาะการเป็น ศูนย์กลาง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation” รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบิน ภาคตะวันออก ที่ครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่เมือง ประมาณ 30 ก.ม. โดยรอบสนามบิน (พัทยาถึงระยอง) ซึ่งเป็นการสานต่อเจตนารมณ์การพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสําคัญ ของประเทศไทย

   โดยเข้าเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯและปริมณฑลไปทางตะวันออกที่สามารถเชื่อมโยงกัน ได้สะดวกทั้งทางน้ำ ทางบกและทางอากาศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการบินและประตูเศรษฐกิจสู่เอเชีย

   สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโดยใช้เงินลงทุนประมาณ 290,000 ล้านบาท รัฐบาลจะได้ประโยชน์ด้านการเงิน 305,555 ล้านบาท ได้ภาษีอากรกว่า 62,000 ล้านบาท จะเกิดการจ้างงาน 15,000 ตำแหน่งต่อปี ระยะเวลา 5 ปี

Let's block ads! (Why?)



"ต้องการที่จะ" - Google News
June 19, 2020 at 11:29AM
https://ift.tt/3fImfpz

นายกฯ ยันเมืองการบินอู่ตะเภา จะยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการบินอาเซียน - efinanceThai
"ต้องการที่จะ" - Google News
https://ift.tt/307JncB


Bagikan Berita Ini

0 Response to "นายกฯ ยันเมืองการบินอู่ตะเภา จะยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการบินอาเซียน - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.