Search

เอ็นไอเอโชว์ 3 นวัตกรรมดีรับเปิดเทอมใหม่ ไฮเทค ปลอดภัย เรียนต่อได้แบบไม่มีอะไรกั้น - ผู้จัดการออนไลน์

janganre.blogspot.com


เดือนกรกฎาคมนี้ จะได้เห็นภาพบรรยากาศการเปิดภาคเรียนกัน ดังนั้น จึงต้องมีการปรับตัวทั้งรูปแบบการเรียน การสอน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกฝ่าย ซึ่งวันนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA มี 3 นวัตกรรมเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้นักเรียน คุณครู และผู้ปกครองให้สามารถกลับไปเรียนได้ในสภาวะที่ทุกอย่างอยู่ในยุค “New Normal” หลังเปิดเมือง

เริ่มกันที่เทคโนโลยีแรกอย่าง Online Blended Learning For School หรือ นวัตกรรมการเรียนแบบผสมผสานออนไลน์สำหรับโรงเรียน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาทำให้การเรียนหนังสือของเด็กสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยนางสาวรษา วงศ์สมิง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เล่าว่า ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เด็กนักเรียนมีความต้องการที่ชัดเจนว่าอยากเรียน และทำกิจกรรมอะไร ดังนั้น นวัตกรรมของเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะเข้าไปส่งเสริมในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ว่าเด็กจะอยู่ที่ไหน หรือยากทบทวนบทเรียนช่วงใดก็สามารถทำได้เลยทันที

สำหรับรูปแบบแพลตฟอร์มนั้นจะเป็นการใช้งานในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “Learn Anywhere” ซึ่งเป็นแอปฯที่ต่อยอดมาจากระบบ “Online Blended Learning For School” โดยจะเปิดให้เด็กเรียนผ่านแอปพลิเคชั่นในรายวิชาหลักอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยเป็นบทเรียนสำหรับนักชั้นประถมศึกษาปีที่5-มัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่านั้น ส่วนการเข้าใช้งานนักเรียนจะต้องลงทะเบียนเพื่อขอPassword และ Username หลังจากที่ได้รับรหัสผ่านนักเรียนก็สามารถเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้เลย โดยระบบจะจัดลำดับบทเรียนตามที่โรงเรียนได้กำหนดไว้

ที่ผ่านมามีการนำระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนนำร่อง 5 แห่ง สำหรับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้นจะเกิดผลดียิ่งขึ้นในกรณีที่มีการนำเอาแพลตฟอร์มออนไลน์ไปผสมผสานกับการสอนจริง นอกจากนี้ แอปพลิเคชั่นยังจะเข้าไปสนับสนุนการเปิดเทอมหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และสามารถช่วยให้โรงเรียนรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยที่ไม่ต้องให้เด็กผลัดกันเข้าห้องเรียน

ถัดมาเป็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดหน้าโรงเรียน และช่วยดูแลบุตรหลานให้ปลอดภัย ด้วยแพลตฟอร์ม Kids Up: ระบบจัดการความปลอดภัยของนักเรียนแบบครบวงจร โดย นางอัมภาพัตร ฉมารัตน์ Co – Founder แพลตฟอร์ม Kids Up เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ Kids Up เกิดขึ้นมาจากที่ตนและภรรยาต้องไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียนเป็นประจำ และมักจะพบกับปัญหาการจราจรติดขัดหน้าโรงเรียน ดังนั้น จึงคิดค้นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาบริหารจัดการการรับ-ส่งบุตรหลานผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ผู้ปกครองสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากลงทะเบียนผ่านเบอร์มือถือเท่านั้น โดยบริษัทจะเข้าไปติดตั้งระบบที่สามารถแสดงผลและแจ้งเตือนให้นักเรียนทราบว่าอีกกี่นาทีผู้ปกครองจะมาถึงผ่านระบบโทรทัศน์หรือจอแอลอีดี

อย่างไรก็ตามได้มีการนำระบบดังกล่าวเข้าไปติดตั้งและใช้งานกับโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และนนทบุรีแล้ว ซึ่งพบว่าระบบดังกล่าวช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด รวมไปถึงช่วยให้การจัดระบบรถเข้า-ออกบริเวณหน้าโรงเรียนได้เป็นอย่างดี ในส่วนการใช้งานนั้นได้มีการออกแบบแอปฯ ให้ใช้งานง่ายกว่าระบบบริหารจัดการการจราจรหน้าโรงเรียนของต่างประเทศ และยังมีความแม่นยำในเรื่องของเวลาค่อนข้างสูงเพราะระบบจะตรวจจับเวลาการเดินทางผ่าน Google Map ดังนั้น เวลาที่ผู้ปกครองมาถึงค่อนข้างตรงตามที่แจ้งอาจจะมีบ้างในกรณีล้าช้าแต่เมื่อคำนวณแล้วบวกลบไม่เกิน 5 นาที

ในอนาคตจะมีการพัฒนาฟังก์ชั่นสำหรับผู้ปกครองที่ไม่ได้มารับลูกด้วยตนเอง และรถรับ-ส่งนักเรียน หรือการเชื่อมระบบกับแกร็ป นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบเพื่อรองรับผู้ปกครองในบางกลุ่มที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้ทุกรูปแบบ

สุดท้ายคือแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาช่วยจัดระบบบริหารจัดการโรงเรียนแบบ 4.0 อย่างแพลตฟอร์ม School Management System 4.0 หรือโครงการระบบบริหารจัดการสถานศึกษา 4.0 โดย นายนรินทร์ คูนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จับจ่าย คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าว่า แพลตฟอร์มระบบบริหารจัดการโรงเรียนแบบ 4.0 นั้นจะเพิ่มความสะดวกในการจัดระบบภาระงานภายในสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบตารางสอนของครู และตารางเรียนของนักเรียน ระบบเช็คชื่อ ระบบตรวจสอบคะแนนความความประพฤติ ระบบแจ้งการบ้าน ระบบลา รวมไปถึงระบบบริหารงานของครู เช่น ระบบรายงานผู้บริหาร ระบบรายงานผลการเรียน ระบบปฏิทินโรงเรียน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรายงานผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็ปไซต์ ซึ่งสามารถเข้าใช้งานผ่านมือถือได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม นอกจากนี้ ระบบจะทำงานแบบ Realtime ซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนอัพเดตความเคลื่อนของครู นักเรียน ได้ตลอดเวลา ผ่านการใช้ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บบน Cloud Base ที่มีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้ ทางบริษัทได้มีการนำเอาระบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนกว่า 300 แห่งพบว่า ระบบการจัดการภายในโรงเรียนมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โรงเรียนสามารถจัดหมวดหมู่เอกสารและมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนแต่ละคนครบถ้วนและชัดเจน สามารถลดภาระงานให้แก่ครูได้มากถึง 90% นอกจากนี้ ยังทำให้โรงเรียนทราบพฤติกรรมของนักเรียนและสามารถนำไปวางแผนเพื่อรองรับหรือปรับพฤติกรรมของนักเรียนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สำหรับความโดดเด่นของระบบนั้นแม้ว่าจะเป็นระบบการจัดการที่ค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน แต่มีการออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่านกราฟฟิคที่สวยงาม สบายตา เหมาะสำหรับครู อาจารย์ นอกจากระบบจะจัดการข้อมูลภายในโรงเรียนให้แล้วยังสามารถเชื่อมผู้ปกครอง โรงเรียน และนักเรียนเข้าหากัน ซึ่งจะช่วยลดภาระงานของครูและสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ปกครอง

หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เราจะเริ่มเห็นสิ่งใหม่ๆ หรือวิถีใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษา เพราะหลังจากนี้ในระบบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน ครู นักเรียน จะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นกว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้นวัตกรรมเกี่ยวกับการศึกษามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบการศึกษาไทย

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand

Let's block ads! (Why?)



"ต้องการที่จะ" - Google News
July 08, 2020 at 04:51PM
https://ift.tt/3e7rOwA

เอ็นไอเอโชว์ 3 นวัตกรรมดีรับเปิดเทอมใหม่ ไฮเทค ปลอดภัย เรียนต่อได้แบบไม่มีอะไรกั้น - ผู้จัดการออนไลน์
"ต้องการที่จะ" - Google News
https://ift.tt/307JncB


Bagikan Berita Ini

0 Response to "เอ็นไอเอโชว์ 3 นวัตกรรมดีรับเปิดเทอมใหม่ ไฮเทค ปลอดภัย เรียนต่อได้แบบไม่มีอะไรกั้น - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.