
12 มิถุนายน 2563 | โดย บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ
121
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงทำกำไร กังวลเศรษฐกิจและการกลับมาเกิดการระบาดระลอกสอง
ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง 3-5% ขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง 5-7% จากแรงทำกำไรเนื่องจากความกังวลต่อรายงานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประเมิน GDP สหรัฐฯ ปี 2563 ปรับลดลง 6.5% ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ที่ 9.3% ขณะที่มีความกังวลต่อการระบาดระลอกที่สองจะทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจแย่ลง ทำให้เกิดแรงทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง น้ำมันดิบตลาดต่างๆปรับลดลง 7-8% สะท้อนความเสี่ยงของความต้องการที่อาจลดลงหากเกิดการระบาด จนกระทั่งอาจต้องปิดเมือง
คาดเงินหมุนไปยังสินทรัพย์อื่นก่อนกลับเข้าสู่หุ้น คงมุมมองลบระยะสั้น ขณะที่ระยะกลาง-ยาวยังเป็นบวกจากสภาพคล่องในระดับสูง เมื่อ 9 มิ.ย.เราเริ่มเตือนตลาดหุ้นฟื้นตัวจนถึงจุดที่ต้องเพิ่มความระวัง หลังดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และสูงกว่าระดับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้ตลาดเปราะบางต่อแรงทำกำไร หากมีปัจจัยลบเข้ามา โดยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราค่อนข้างย้ำให้ระวังการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และมองการปรับขึ้นของหุ้นพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP แถว 103-120 บาท เป็นโอกาสในการลดน้ำหนักการลงทุน ทั้งนี้ด้วยสภาพคล่องในระบบที่สูงและข้อจำกัดของการไหลไปยังตลาดตราสารหนี้ (เนื่องจากสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่ใช้ดอกเบี้ยติดลบ) ทำให้เงินจะเกิดการไหลหมุนเวียน (Rotation) ไปพักยังสินทรัพย์ต่างๆ ก่อนที่จะกลับเข้าสู่หุ้นอีกครั้ง
ประเมินแนวรับทางพื้นฐานของการปรับฐานในโซน 1260-1316 จุด หากมองข้ามผลการดำเนินงานที่อ่อนแอเป็นพิเศษในปี 2563 จากวิกฤติโควิด ไปยังปี 2564 อิงคาดการณ์กำไรต่อหุ้นที่ 84 บาท และค่าเฉลี่ยกลางและกรอบบน ของการซื้อขายของ SET Index ที่ 15-17 เท่า จะได้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1260-1428 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ในเชิงปัจจัยพื้นฐานคือ การเข้าซื้อ หรือการบริหารความเสี่ยงให้ต้นทุนของการมีหุ้นอยู่ในกรอบ 1/3 ล่างของระดับ valuation range โดยต้องระวังแรงทำกำไรในกลุ่มหุ้นที่ปรับขึ้นมาก และการลงทุนในระยะสั้นอาจต้องกลับเข้าสู่กลุ่มหุ้นปลอดภัยหรือมั่นคง (defensive)
คาดผ่อนคลายระยะ 4 วันนี้ คาดจะมีการเสนอให้ศบค.อนุญาตให้ธุรกิจ 3 กลุ่มกลับมาดำเนินการ ได้แก่ โรงเรียน, โรงแรมและศูนย์ประชุมสัมมนา, สถานรับเลี้ยงเด็กและคนชรา ขณะที่มีแนวโน้มทดลองยกเลิกการจำกัดเวลาออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่ 15 มิ.ย. แต่ยังคงพ.ร.กฉุกเฉิน เรามองหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (re-opening play) ฟื้นตัวขึ้นมาสะท้อนปัจจัยบวกพอสมควรแล้ว ขณะที่ยังมีปัจจัยฉุดเฉพาะตัวเรื่องการเพิ่มทุน รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 2/63 และการฟื้นตัวที่อาจล่าช้าเพราะพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และยังคงให้ระวังการเข้าลงทุนหรือไล่ราคาหุ้นท่องเที่ยว
ภาพรวมกลยุทธ์ ตลาดเลือกพักฐาน โดยมีแนวรับที่ 1375 และ 1348 จุด ทั้งนี้การเก็งกำไรควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร WHAUP*, EASTW*, BFIT*
แนวรับ 1,375 และ 1,348 จุด / แนวต้าน : 1,420 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐฯ ยันไม่ปิดเศรษฐกิจรอบ 2 –รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันไม่ปิดเศรษฐกิจรอบ 2 เพื่อสกัดการแพร่ระบาด โดยระบะว่าไม่คุ้มกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ
เงินบาทแข็งค่าติดอันดับ 3 ของภูมิภาค – ธปท.ชี้เงินสกุลบาทแข็งค่าติดอันดับ 3 ของภูมิภาค โดยนับตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ค. ถึง 11 มิ.ย. 63 แข็งค่าขึ้น 2.71% รองจากเงินรูเปียของอินโดนีเซีย และเงินวอนของเกาหลีใต้ จากการอ่อนค่าของค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ
หุ้น SET100 ที่ปรับขึ้นมาก YTD 10 อันดับ – STA, SUPER, TQM, MEGA, STEC, GULF, TASCO, CPF, CBG, GLOBAL
ประเด็นติดตาม: 16 มิ.ย. – US Retail sales เดือน พ.ค./17 มิ.ย. – OPEC Monthly Report/ 24 มิ.ย. - ประชุม กนง.
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
"ต้องการที่จะ" - Google News
June 12, 2020 at 12:15PM
https://ift.tt/3dUNEEj
ประเมินแนวรับของการปรับตัวจากการหมุน (Rotation) ของเงินลงทุน - กรุงเทพธุรกิจ
"ต้องการที่จะ" - Google News
https://ift.tt/307JncB
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ประเมินแนวรับของการปรับตัวจากการหมุน (Rotation) ของเงินลงทุน - กรุงเทพธุรกิจ"
Post a Comment